top of page
3.jpg
BG-BY-Final.png

ระบบ API (Application Programming Interfaces) คืออะไร อธิบายแบบเข้าใจง่าย

  • รูปภาพนักเขียน: Backyard Team
    Backyard Team
  • 1 วันที่ผ่านมา
  • ยาว 3 นาที

ทำความรู้จักกับระบบ API (Application Programming Interfaces) คืออะไร?


A promotional graphic with the text “API: Application Programming Interfaces” explaining APIs in an easy-to-understand format. | ภาพกราฟิกพร้อมข้อความ “API: Application Programming Interfaces” อธิบายเกี่ยวกับ API ในรูปแบบเข้าใจง่าย

Table of Contents



Key Takeaways 


  • API (Application Programming Interface) คือช่องทางที่ช่วยให้ซอฟต์แวร์ต่าง ๆ สื่อสาร แลกเปลี่ยนข้อมูล หรือสั่งงานกันได้อย่างปลอดภัย แบ่งออกเป็น 4 ประเภท ได้แก่ Private API สำหรับภายในองค์กร Partner API สำหรับเชื่อมต่อกับพันธมิตร Public API ที่เปิดให้สาธารณะใช้งานได้ และ Composite API สำหรับคำสั่งที่ซับซ้อน


  • API มีประโยชน์อย่างมากต่อองค์กรต่าง ๆ เพราะช่วยเชื่อมต่อระบบ อัปเดตข้อมูลสม่ำเสมอ ลดปัญหาข้อมูลคลาดเคลื่อน ช่วยให้ลูกค้าและผู้ป่วยได้รับบริการที่สะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น และยังรองรับการเติบโตของธุรกิจ เชื่อมระบบใหม่ได้ง่าย ข้อมูลปลอดภัยด้วยการควบคุมสิทธิ์การเข้าถึง และการบันทึกประวัติทำให้ตรวจสอบย้อนหลังได้



การเชื่อมต่อระบบต่าง ๆ เข้าด้วยกันนั้นเป็นสิ่งสำคัญของการบริหารองค์กร เพื่อให้การเข้าถึงข้อมูลเป็นไปอย่างราบรื่น ข้อมูลถูกต้องและปลอดภัย โดยมี API (Application Programming Interfaces) ทำหน้าที่เป็นตัวกลางการเชื่อมต่อ สำหรับใครที่ยังไม่รู้จักกับระบบ API คืออะไร สำคัญอย่างไร Backyard พร้อมอธิบายให้เข้าใจกันมากขึ้นแล้ว



API คืออะไร?

A business professional touching a digital interface with an API icon surrounded by technology and communication symbols. | ผู้เชี่ยวชาญด้านธุรกิจสัมผัสอินเทอร์เฟซดิจิทัลที่มีไอคอน API รายล้อมด้วยสัญลักษณ์เทคโนโลยีและการสื่อสาร

API ย่อมาจาก Application Programming Interface

API (Application Programming Interface) คือ ชุดคำสั่งหรือกติกาที่กำหนดขึ้น เพื่อให้โปรแกรมหรือซอฟต์แวร์ต่าง ๆ สื่อสารหรือแลกเปลี่ยนข้อมูลกันได้อย่างเป็นระบบ โดย API เปรียบเสมือนสะพานเชื่อมต่อระบบสองระบบเข้าด้วยกัน โดยไม่จำเป็นต้องรู้รายละเอียดภายในของกันและกันทั้งหมด 


ตัวอย่างเช่น: หากใช้แอปสั่งอาหาร เมื่อกดสั่ง API จะเป็นตัวส่งคำสั่งจากแอป ไปยังระบบของร้านอาหาร เพื่อให้ระบบนั้นรับรู้คำสั่ง และส่งข้อมูลกลับมาว่าออเดอร์ได้รับแล้วหรือไม่ ทั้งหมดเกิดขึ้นเบื้องหลังด้วย API



API ทำงานอย่างไร?

A medical professional using a laptop to review a patient's medical history form on a healthcare system interface. | บุคลากรทางการแพทย์กำลังใช้คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กตรวจสอบประวัติผู้ป่วยผ่านหน้าจอระบบงานทางการแพทย์

ตัวอย่างกรณี: แพทย์สั่งยา → หักสต็อกยา → บันทึกค่าใช้จ่าย → ชำระเงิน

ขั้นตอนการทำงาน

ตัวอย่างการทำงาน

ระบบต้นทางส่งคำขอ (Request)

HIS ส่งคำขอไป ERP ว่า “ช่วยหักสต๊อกยานี้ให้ด้วย ผู้ป่วยคนนี้ต้องใช้ 10 เม็ด”

การตรวจสอบสิทธิ์

ERP ตรวจสอบว่าคำขอมาจาก HIS จริง ไม่ใช่ระบบอื่นที่ไม่ได้รับสิทธิ์

ตรวจสอบข้อมูลว่าถูกต้องหรือไม่ (Validation)

ERP ตรวจว่ามีข้อมูลยา จำนวน รหัสผู้ป่วยครบไหม หากขาดข้อมูลส่วนใดส่วนหนึ่งก็จะไม่ทำงาน

ระบบปลายทางทำงานตามคำขอ (Processing)

ERP หักสต๊อกยา 10 เม็ด ตรวจล็อตยา และอัปเดตจำนวนคงเหลือ

ส่งผลลัพธ์กลับให้ต้นทาง (Response)

ERP ส่งกลับไป HIS ว่า “หักสต๊อกสำเร็จ เหลือ 85 เม็ด”

เริ่มขั้นตอนถัดไปอัตโนมัติ (Trigger Next Step)

ERP คำนวณราคายาเสร็จ → ส่งค่าใช้จ่ายกลับ HIS อัตโนมัติ

อัปเดตสถานะระหว่างระบบให้ตรงกัน

เมื่อผู้ป่วยจ่ายเงินใน ERP → ERP ส่งสถานะ “ชำระแล้ว” ให้ HIS

เก็บประวัติและตรวจสอบย้อนหลังได้ (Logging)

สามารถดูย้อนหลังได้ว่า “วันนี้ HIS หักสต๊อกยาเวลา 10:35”


ประเภทของ API มีอะไรบ้าง?


1. API ส่วนตัว (Private API)

Private API คือ API ที่ใช้เฉพาะภายในองค์กร ใช้เชื่อมต่อระบบต่าง ๆ เช่น ERP, WMS, HR, Accounting หรือ HIS กับระบบอื่น ๆ เพื่อให้ข้อมูลไหลเวียนเป็นอัตโนมัติ ปลอดภัยสูงเพราะจำกัดการเข้าถึงเฉพาะบนเครือข่ายองค์กร และปรับแต่งรูปแบบข้อมูลหรือ Workflow ให้เหมาะกับกระบวนการเฉพาะของบริษัทได้อย่างยืดหยุ่น


2. API สำหรับคู่ค้า (Partner API)

Partner API คือ API ที่เปิดให้พันธมิตรทางธุรกิจ (พาร์ตเนอร์) เช่น ผู้จัดจำหน่าย บริษัทประกัน หรือคู่ค้าระบบไอที เข้าถึงข้อมูลบางส่วนตามสิทธิ์ที่กำหนด โดยต้องได้รับการอนุญาตก่อน API แบบนี้มักพบได้ในองค์กรที่ต้องการแลกเปลี่ยนข้อมูลกับภายนอกอย่างปลอดภัย ทำให้การทำงานร่วมกันระหว่างองค์กรเป็นไปอย่างราบรื่น


3. API สาธารณะ (Public API)

Public API คือ API ที่เปิดให้สาธารณะหรือผู้พัฒนาภายนอกเข้าถึงได้ นำข้อมูลหรือบริการขององค์กรไปใช้ต่อยอดได้ เช่น ระบบแผนที่ ระบบชำระเงิน หรือข้อมูลสินค้าในบางแพลตฟอร์ม ซึ่งจะช่วยสร้าง Ecosystem และกระตุ้นนวัตกรรม แอปพลิเคชันหรือบริการใหม่ ๆ ที่เชื่อมต่อกับระบบขององค์กรได้ง่ายขึ้น โดยจะต้องออกแบบควบคุมความปลอดภัย อัตราการใช้งาน และกำหนดสิทธิ์อย่างเคร่งครัด


4. แบบรวม (Composite API)

Composite API คือการรวม API หลายประเภทเข้าด้วยกัน โดยมีอย่างน้อยสองประเภท เพื่อดึงข้อมูลหรือทำงานหลายอย่างพร้อมกัน ไปจนถึงทำตามคำขอที่ซับซ้อนในครั้งเดียว ช่วยลดจำนวนการเรียก API ลดเวลาในการประมวลผล เหมาะกับระบบที่ต้องประมวลผลข้อมูลจากหลายแหล่ง



API มีประโยชน์อย่างไร?

A computer screen displaying a security interface requiring touch ID, with a person holding a smartphone nearby. | หน้าจอคอมพิวเตอร์แสดงระบบความปลอดภัยที่ต้องใช้การยืนยันตัวตนแบบ Touch ID โดยมีบุคคลถือสมาร์ตโฟนอยู่ใกล้ ๆ

1. เชื่อมต่อระบบต่าง ๆ ได้ง่าย

API ช่วยให้ระบบต่าง ๆ เชื่อมและแลกเปลี่ยนข้อมูลกันได้อย่างราบรื่น เช่น ระบบ HIS เชื่อมกับระบบ ERP เพื่อจัดการบัญชีการเงิน สต๊อกยาและเวชภัณฑ์ ช่วยรวมข้อมูลไว้ที่ศูนย์กลาง ส่งผลให้แผนกต่าง ๆ ในโรงพยาบาลทำงานบนข้อมูลชุดเดียวกันได้อย่างต่อเนื่อง


2. เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน

เมื่อระบบต่าง ๆ เชื่อมกันผ่าน API ข้อมูลจะถูกส่งต่อได้โดยไม่ต้องให้เจ้าหน้าที่ป้อนข้อมูลซ้ำ ลดภาระงานและลดเวลาในการจัดการ เช่น ระบบแล็บส่งผลตรวจเข้าระบบ HIS อัตโนมัติ ทำให้บุคลากรโฟกัสกับงานที่สำคัญกว่า แทนที่จะเสียเวลาทำงานซ้ำ ๆ ช่วยให้ทำงานได้เร็วขึ้นทั้งกระบวนการ


3. ปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้า

API ทำให้ลูกค้าเข้าถึงบริการได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว เช่น ผู้ป่วยดูผลตรวจผ่านแอปพลิเคชันได้ทันทีหลังประมวลผลเสร็จ เพราะผลถูกส่งจากระบบแล็บเข้าสู่ระบบผู้ป่วยแบบเรียลไทม์ 


หรือในธุรกิจทั่วไปลูกค้าสามารถตรวจสอบสถานะการสั่งซื้อ การจัดส่ง หรือการชำระเงินได้ทันทีผ่านระบบหน้าบ้านที่เชื่อมกับระบบหลังบ้านผ่าน API ซึ่งจะช่วยสร้างประสบการณ์ทีดี ลูกค้าพึงใจพอมากขึ้น


4. รองรับการเติบโตของธุรกิจ

เมื่อธุรกิจขยายตัวขึ้น ก็ต้องขยายระบบใหม่ ๆ มากขึ้น เช่น ระบบ Telemedicine ระบบจองคิวออนไลน์ ระบบจัดการสาขา หรือระบบคลังสินค้าแบบอัตโนมัติ API ช่วยเชื่อมระบบใหม่เข้ากับระบบเดิมได้อย่างราบรื่น รวดเร็ว โดยไม่ต้องปรับแต่งระบบหลักมากนัก ลดต้นทุนด้านการพัฒนาซอฟต์แวร์ และรองรับการเพิ่มผู้ใช้งานหรือเพิ่มบริการใหม่ตามการขยายตัวขององค์กรในอนาคต


5. ปรับปรุงความปลอดภัยของข้อมูล

การใช้ API ช่วยให้องค์กรควบคุมสิทธิ์การเข้าถึงข้อมูล (Access Control) ได้อย่างเป็นระบบ เช่น อนุญาตให้ระบบหนึ่งดูเฉพาะข้อมูลที่กำหนดเท่านั้น และปฏิเสธการเข้าถึงข้อมูลสำคัญเกินความจำเป็น API ยังช่วยบันทึกประวัติการใช้งาน (Audit Logs) เช่น ใครดึงข้อมูลอะไร เมื่อไร และใช้เพื่ออะไร ตรวจสอบความผิดปกติได้ง่ายยิ่งขึ้น


นอกจากนี้ระบบ API ยังกำหนดนโยบายด้านความปลอดภัย เช่น การเข้ารหัสข้อมูล การตรวจสอบตัวตน และข้อกำหนดการใช้ Token เพื่อป้องกันข้อมูลรั่วไหลได้อย่างรัดกุม


6. แลกเปลี่ยนข้อมูลได้รวดเร็วและแม่นยำขึ้น

การแลกเปลี่ยนข้อมูลด้วย API ถูกออกแบบให้เป็นไปอย่างอัตโนมัติและมีมาตรฐาน เช่น JSON หรือ XML ลดความผิดพลาดจากการป้อนข้อมูลด้วยมนุษย์ ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ข้อมูลคลาดเคลื่อน 


นอกจากนี้ API ยังทำให้ข้อมูลอัปเดตได้แบบเรียลไทม์ เช่น ข้อมูลสต๊อกยาในโรงพยาบาลเปลี่ยนทันทีหลังจ่ายยา หรือผล Lab ขึ้นสู่เวชระเบียนทันทีหลังเครื่องวิเคราะห์เสร็จ ทำให้ผู้ที่เกี่ยวข้องตัดสินใจได้อย่างแม่นยำในเวลาเร่งด่วน


7. รองรับการทำงานแบบอัตโนมัติ

ระบบ API คือหัวใจของระบบ Automation เช่น ระบบแจ้งเตือนสต๊อกต่ำ ระบบนัดหมายอัตโนมัติ ระบบออกใบเสร็จอัตโนมัติ ระบบจัดซื้อต่าง ๆ โดยไม่ต้องมีเจ้าหน้าที่เป็นคนกลาง ทุกกระบวนการทำงานตามเงื่อนไขที่ตั้งไว้ล่วงหน้า ช่วยลดภาระงานให้กับคน ลดความผิดพลาด ทำให้ผู้ป่วยหรือลูกค้ารับบริการได้เร็วขึ้น



ตัวอย่างการใช้ API ในโรงพยาบาลและธุรกิจเฮลท์แคร์

A healthcare worker using a tablet to review medical information at a workstation. | บุคลากรทางการแพทย์กำลังใช้แท็บเล็ตเพื่อตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์ที่โต๊ะทำงาน

1. การเชื่อมต่อข้อมูลผู้ป่วยระหว่างโรงพยาบาล

API ช่วยให้โรงพยาบาลต่าง ๆ แลกเปลี่ยนข้อมูลผู้ป่วยได้อย่างปลอดภัยและรวดเร็ว เช่น ประวัติการรักษา ผลตรวจทางห้องแล็บ ข้อมูลการแพ้ยา หรือสิทธิการรักษา เมื่อโรงพยาบาล A ต้องการข้อมูลผู้ป่วยที่เคยตรวจที่โรงพยาบาล B 


ระบบ HIS ของโรงพยาบาล A จะส่งคำขอผ่าน API เพื่อดึงข้อมูลที่จำเป็นได้ทันที โดยไม่ต้องส่งเอกสารหรือโทรสอบถามให้เสียเวลา ช่วยให้แพทย์มีข้อมูลครบถ้วนก่อนทำการรักษา ลดความผิดพลาด และช่วยยกระดับคุณภาพการรักษาผู้ป่วย


2. API กับอุปกรณ์ IoMT (Internet of Medical Things)

อุปกรณ์ทางการแพทย์ยุคใหม่ เช่น เครื่องวัดความดันแบบพกพา เครื่องวัดน้ำตาล เซนเซอร์ติดตามสัญญาณชีพ หรืออุปกรณ์ติดตามผู้ป่วยใน ICU มักเชื่อมต่อผ่านอินเทอร์เน็ตและส่งข้อมูลเข้าสู่ระบบ HIS หรือคลาวด์ ผ่าน API แบบเรียลไทม์ เช่น 


ตัวอย่าง: เครื่องวัดชีพจรส่งค่าที่วัดได้ทุก 1 นาทีไปยัง API ของโรงพยาบาล → ระบบจะบันทึกลงเวชระเบียนอัตโนมัติ → แพทย์เห็นข้อมูลแบบทันทีผ่าน Dashboard 

การใช้ API ลักษณะนี้ช่วยให้แพทย์และบุคลากรติดตามอาการผู้ป่วยได้อย่างต่อเนื่อง ลดความเสี่ยง และรองรับการแพทย์ทางไกล (Telemedicine) อีกด้วย


3. การเชื่อมต่อระบบ HIS และ ERP

สำหรับงานบริหารโรงพยาบาล ข้อมูลผู้ป่วยและข้อมูลการรักษาที่อยู่ใน HIS ต้องเชื่อมต่อกับระบบ ERP ที่จัดการด้านการเงิน บัญชี สต๊อกยา และเวชภัณฑ์ต่าง ๆ ผ่าน API ซึ่งช่วยให้ข้อมูลถูกต้อง ลดงานเอกสาร และทำให้กระบวนการบริหารในโรงพยาบาลมีประสิทธิภาพมากขึ้น ตัวอย่างเช่น 


ตัวอย่าง: เมื่อมีการสั่งยา → HIS ส่งข้อมูลไปยัง ERP ผ่าน API เพื่อหักสต็อกยาอัตโนมัติ หรือเมื่อผู้ป่วยชำระเงิน → ERP ส่งข้อมูลการรับชำระกลับไปยัง HIS เพื่อปรับสถานะใบแจ้งหนี้ 


คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ API (Application Programming Interface)

1. API คืออะไร?

API (Application Programming Interface) คือ ชุดคำสั่งที่ทำให้โปรแกรมหรือซอฟต์แวร์แลกเปลี่ยนข้อมูลกันได้อย่างเป็นระบบ โดยไม่ต้องใช้คนเป็นตัวกลางแลกเปลี่ยนข้อมูล ทำให้ข้อมูลเชื่อมโยงกันได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย

2. ระบบ API ทำงานอย่างไร?

API ทำงานโดยให้ระบบต้นทางส่งคำขอ (Request) ไปยังระบบปลายทางผ่านช่องทางที่กำหนดไว้ เมื่อระบบปลายทางได้รับคำขอแล้วจะตรวจสอบสิทธิ์ ประมวลผลข้อมูล และส่งผลลัพธ์ กลับไปยังระบบต้นทาง เช่น HIS ขอผลตรวจเลือดจากระบบแล็บ แล็บจะประมวลผลและส่งผลกลับไปยัง HIS ให้แพทย์เห็นแบบเรียลไทม์

3. ประเภทของ API มีอะไรบ้าง?

API แบ่งออกเป็น 4 ประเภท ได้แก่ Private API สำหรับใช้งานภายในองค์กรเท่านั้น Partner API สำหรับเชื่อมกับคู่ค้าหรือพันธมิตรที่ได้รับอนุญาต Public API ที่เปิดให้บุคคลทั่วไปหรือนักพัฒนาภายนอกใช้งานได้ และ Composite API ซึ่งรวมหลายคำขอเป็นคำขอเดียวเพื่อให้ทำงานได้รวดเร็วขึ้น เหมาะสำหรับระบบที่ต้องดึงข้อมูลหลายชุดพร้อมกัน

4. การใช้ API มีประโยชน์อย่างไรต่อธุรกิจ?

API ช่วยให้ธุรกิจทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้ระบบต่าง ๆ เชื่อมต่อกันได้โดยอัตโนมัติ ลดงานซ้ำซ้อน ลดข้อผิดพลาด เพิ่มความแม่นยำในการทำงาน และช่วยให้ข้อมูลอัปเดตแบบเรียลไทม์ นอกจากนี้ API ยังรองรับการขยายตัวของธุรกิจ ช่วยเชื่อมระบบใหม่ได้ง่ายขึ้น

5. API ปลอดภัยหรือไม่?

API ปลอดภัย หากตั้งค่าและมีมาตรการด้านความปลอดภัยที่เหมาะสม เช่น การเข้ารหัสผ่าน HTTPS การใช้ API Key หรือ Token การจำกัดสิทธิ์เข้าถึงข้อมูล และการบันทึกประวัติการใช้งานเพื่อใช้ตรวจสอบในภายหลังได้



Backyard พร้อมให้บริการโซลูชันที่สนับสนุนการทำงานด้านเฮลท์แคร์

HealthBiz ERP ระบบ Enterprise Resource Planning สำหรับธุรกิจเฮลท์แคร์โดยเฉพาะ ช่วยจัดการงานหลังบ้าน (Back-Office) ไม่ว่าจะเป็นบัญชี การเงิน งานจัดซื้อ และงานเอกสารต่าง ๆ ของโรงพยาบาล คลินิก และสถานพยาบาลประเภทอื่น พร้อมรองรับการเชื่อมต่อกับระบบ MEDHIS เชื่อมโยงข้อมูลเข้าสู่ศูนย์กลาง ลดภาระเอกสาร เข้าถึงข้อมูลได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น


  • ออกแบบเพื่อธุรกิจเฮลท์แคร์โดยเฉพาะ ระบบ HealthBiz ERP ออกแบบมาสำหรับโรงพยาบาล คลินิก และสถานพยาบาลประเภทอื่น ๆ โดยทีมนักออกแบบและนักพัฒนาที่มีประสบการณ์ตรงกับโรงพยาบาลขนาดใหญ่

  • พร้อมเชื่อมต่อกับระบบ HIS HealthBiz ERP พร้อมเชื่อมต่อกับระบบ HIS ได้อย่างราบรื่น ช่วยรวมข้อมูลไว้ที่ศูนย์กลาง ทั้งบุคลากรทางการแพทย์ที่จัดการงานหน้าบ้าน และเจ้าหน้าที่ Back-Office เข้าถึงข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว

  • Localized Features for Thailand ฟีเจอร์ที่สอดคล้องกับกฎหมาย ข้อกำหนดทางบัญชี ภาษี การจัดทำรายงาน และแนวปฏิบัติทางธุรกิจ ที่ตอบโจทย์การทำงานในประเทศไทย เช่น รายงานภาษีซื้อ-ขาย แบบฟอร์มหัก ณ ที่จ่าย (ภ.ง.ด. 3, ภ.ง.ด. 53) 

  • คุ้มครองข้อมูลให้ปลอดภัยตามข้อกำหนด ปกป้องข้อมูลสำคัญด้วยเทคโนโลยีการเข้ารหัส ตามมาตรฐานกฎหมายด้านสาธารณสุขระดับสากล การกำหนดสิทธิ์เข้าถึงข้อมูลเฉพาะบุคคล รวมถึงเอกสารตามมาตรฐาน ISO



Backyard พร้อมให้บริการแบบครบวงจร ด้วยทีมงานที่มีประสบการณ์ เข้าใจการทำธุรกิจ ทำให้ได้ระบบที่ตอบโจทย์การใช้งานมากที่สุด สนใจระบบ HealthBiz ERP หรือระบบ ERP สำหรับธุรกิจอื่น ๆ ติดต่อเพิ่มเติมได้ที่



ติดตามข่าวสาร Backyard ได้ที่…

📍โทร. 02-853-9131 (ในเวลาทำการ 10.00-18.00 น. วันจันทร์-วันศุกร์)

3.jpg

พร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงองค์กรแล้วหรือยัง?

ติดต่อทีมงาน Backyard

ทีมงานผู้เชี่ยวชาญพร้อมติดต่อกลับ เพื่อมอบบริการที่ตรงกับความต้องการมากที่สุด

bottom of page