top of page
3.jpg
BG-BY-Final.png

AI การแพทย์คืออะไร เทคโนโลยีอัจฉริยะที่ช่วยพัฒนา Smart Hospital

  • รูปภาพนักเขียน: Marketing Team
    Marketing Team
  • 22 ต.ค.
  • ยาว 2 นาที

รู้จักกับ AI ทางการแพทย์ว่านำไปใช้กับธุรกิจเฮลท์แคร์อย่างไร และช่วยพัฒนา Smart Hospital ได้อย่างไรบ้าง เพื่อยกระดับวงการสุขภาพของไทยขึ้นอีกขั้น


Table of Contents



ree

Key Takeaways


  • AI ทางการแพทย์คือ การนำ AI เข้ามาเป็นผู้ช่วยของบุคลากรทางการแพทย์ ไม่ว่าจะเป็นการให้วิเคราะห์ข้อมูลเพื่อสนับสนุนการวินิจฉัย การบันทึกข้อมูลด้วยการถอดเสียงบทสนทนาแล้วบันทึกเป็นเวชระเบียนอิเล็กทรอนิกส์ ไปจนถึงการทำแชตบอทให้ข้อมูลการเตรียมตัวกับผู้ป่วย


  • การประยุกต์ใช้ AI การแพทย์ช่วยสนับสนุนการสร้าง Smart Hospital ในหลายด้าน เช่น การวิเคราะห์ข้อมูลผู้ป่วยและวิเคราะห์ภาพถ่ายทางการแพทย์ การสร้างเวชระเบียนอัตโนมัติและแนะนำรหัสโรค ICD-10 ซึ่งช่วยยกระดับการทำงานภายในโรงพยาบาลให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น



ปฏิเสธไม่ได้ว่า Artificial Intelligence หรือ AI กลายเป็นผู้ช่วยของการทำงานแทบทุกอุตสาหกรรม ไม่เว้นแม้แต่ธุรกิจ Healthcare โดย AI ทางการแพทย์ เริ่มเข้ามามีบทบาทในวงการสุขภาพในหลากหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการวินิจฉัยโรค การบันทึกข้อมูลผู้ป่วย การจัดการงานเอกสาร ไปจนถึงการบริหารจัดการโดยรวม เป็นการยกระดับธุรกิจวงการสุขภาพขึ้นอีกขั้น



AI ทางการแพทย์คืออะไร? AI ในวงการแพทย์ทำงานอย่างไร?


AI ทางการแพทย์ คือ การนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence: AI) มาช่วยประมวลผลข้อมูล สนับสนุนการตัดสินใจในการวินิจฉัย ดูแลรักษา ไปจนถึงการจัดการงานระบบภายในโรงพยาบาลและสถานพยาบาล โดย AI ไม่ได้ทำหน้าที่แทนบุคลากรทางการแพทย์หรือบุคลากรในแผนกอื่น ๆ แต่ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยอัจฉริยะที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ลดภาระงานซ้ำซ้อน


AI ทางการแพทย์ในระบบ HIS ทำงานอย่างไร?

  • ถอดเสียงบทสนทนาระหว่างแพทย์และผู้ป่วย รวมถึงสร้างเวชระเบียนอัตโนมัติ

  • วิเคราะห์ภาพถ่ายทางการแพทย์ เช่น เอ็กซ์เรย์ ซีทีสแกน เพื่อช่วยคัดกรองโรคเบื้องต้น

  • ช่วยแนะนำคำวินิจฉัยโรค แนะนำรหัสโรค ICD-10 โดยอ้างอิงจากเวชระเบียน และคำวินิจฉัยเบื้องต้น

  • คาดการณ์ความเสี่ยงสุขภาพผู้ป่วยล่วงหน้า จากประวัติการรักษาและผลแล็บ

  • เชื่อมต่อข้อมูลแบบเรียลไทม์ ระหว่างแผนกเพื่อให้แพทย์และพยาบาลมีข้อมูลครบถ้วน


AI ทางการแพทย์ในระบบ ERP หรืองาน Back Office ทำงานอย่างไร?

  • เชื่อมข้อมูลค่าใช้จ่ายจาก HIS ไปยังโมดูลบัญชี เพื่อบันทึกเงินได้อัตโนมัติ

  • วางแผนและคาดการณ์การใช้เวชภัณฑ์ ตามแนวโน้มผู้ป่วย และปริมาณการใช้งานที่ผ่านมา

  • จัดสรรบุคลากรและตารางเวรแบบอัจฉริยะ โดยวิเคราะห์ข้อมูลปริมาณผู้ป่วยในแต่ละช่วง

  • จัดการนัดหมาย คิวห้องตรวจ โดยอิงจากประวัติการใช้งาน

  • วิเคราะห์ต้นทุนต่อเคสหรือหน่วยบริการ เพื่อช่วยฝ่ายบริหารวางแผนเชิงกลยุทธ์



ตัวอย่างการใช้ AI ทางการแพทย์สร้าง Smart Hospital?

เป้าหมายของ Smart Hospital

แนวทางการประยุกต์ใช้ AI ทางการแพทย์

การดูแลผู้ป่วยแบบเฉพาะบุคคล

ใช้ AI วิเคราะห์เวชระเบียนและประวัติการรักษา เพื่อเสนอแนวทางการรักษาเฉพาะบุคคล เช่น AI วิเคราะห์ภาพ CT Scan ร่วมกับข้อมูลแล็บ เพื่อคัดกรองโรคเฉพาะกลุ่ม เช่น เบาหวาน โรคหัวใจ หรือมะเร็ง

ระบบเวชระเบียนอัตโนมัติ

ผสาน AI กับระบบ HIS เพื่อถอดเสียงสนทนาแพทย์–ผู้ป่วย และสร้างเวชระเบียนอัตโนมัติ เช่น AI ถอดเสียงบทสนทนาพร้อมแนะนำรหัสโรค ICD‑10

การวางแผนทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ

ใช้ AI วิเคราะห์สถิติผู้ป่วยในแต่ละช่วง เพื่อวางแผนจัดเวรเจ้าหน้าที่ งานจัดซื้อเวชภัณฑ์ โดยเชื่อมโยงข้อมูลจากระบบ HIS สู่โมดูลจัดซื้อในระบบ ERP

การเชื่อมโยงระบบ HIS และ ERP

พัฒนา API เชื่อมระบบ HIS กับระบบ ERP เช่น เมื่อเจ้าหน้าที่ใส่ค่ารักษาของผู้ป่วยให้ระบบ HIS ข้อมูลจะผ่าน API ไปยังโมดูลบัญชีของระบบ ERP ช่วยให้ฝ่ายบัญชีนำข้อมูลไปทำรายรับรายจ่ายได้รวดเร็วขึ้น

การปรับปรุงประสบการณ์ผู้ป่วย

AI Chatbot ให้ข้อมูลการเตรียมตัวก่อนตรวจ นัดหมาย ตอบคำถามทั่วไป ลดภาระ Call Center และสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้ป่วยในระหว่างรอรับบริการ

AI การแพทย์ถือเป็นส่วนประกอบที่ช่วยพัฒา Smart Hospital โดย AI จะทำงานร่วมกับระบบสารสนเทศโรงพยาบาล (HIS) และระบบบริหารจัดการทรัพยากร (ERP) เพื่อเชื่อมโยงข้อมูลจากทุกแผนกให้ทำงานร่วมกันอย่างไร้รอยต่อ เช่น การถอดเสียงบทสนทนา การสร้างเวชระเบียนอิเล็กทรอนิกส์ 


จากบทความของ Oracle Netsuite ระบุว่า AI ช่วยจัดการงาน Back-Office ของธุรกิจเฮลท์แคร์ ไม่ว่าจะเป็นการจัดคิวผู้ป่วย การจัดซื้อเวชภัณฑ์ ไปจนถึงการจัดการข้อมูลต่าง ๆ ให้มีประสิทธิภาพ



ความแตกต่างระหว่าง AI กับ Machine Learning ทางการแพทย์มีอะไรบ้าง?

หัวข้อเปรียบเทียบ

AI ทางการแพทย์

Machine Learning

ลักษณะ

เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ที่ประมวลผล วิเคราะห์ข้อมูล และเป็นผู้ช่วยแพทย์ในการวินิจฉัยโรคและบันทึกข้อมูล

ศาสตร์แขนงหนึ่งของ AI ที่มุ่งเน้นการฝึกระบบให้เรียนรู้จากข้อมูลที่มีอยู่ เพื่อใช้ในการจำแนกหรือจับกลุ่มผลลัพธ์

วิธีการทำงาน

ผสมผสานเทคโนโลยีหลายแขนง เช่น การประมวลภาษาธรรมชาติ (NLP) การรู้จำภาพ  และระบบสนับสนุนการตัดสินใจ เพื่อดำเนินการที่ซับซ้อนได้อย่างแม่นยำ

สร้างแบบจำลองทางสถิติจากข้อมูลตัวอย่างจำนวนมาก และใช้แบบจำลองนั้นในการวิเคราะห์ข้อมูล

ขอบเขตการทำงาน

ครอบคลุมทั้งด้านการดูแลรักษาทางคลินิก เช่น การวินิจฉัยโรค การวิเคราะห์ภาพถ่ายทางการแพทย์ ตลอดจนด้านการบริหารจัดการภายในโรงพยาบาล

มักประยุกต์ใช้กับงานเฉพาะด้าน เช่น การจำแนกรูปแบบของโรค หรือการพยากรณ์แนวโน้มสุขภาพผู้ป่วย

จุดเด่น

  • การประมวลผลข้อมูลที่หลากหลายและซับซ้อน 

  • สนับสนุนการตัดสินใจ

  • เพิ่มประสิทธิภาพในการดูแลผู้ป่วย

  • จัดการข้อมูลปริมาณมากได้อย่างแม่นยำ

  • ปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานได้ต่อเนื่อง

ตัวอย่างการใช้งาน

  • ระบบสนับสนุนการวินิจฉัยร่วมกับการสร้างเวชระเบียนอัตโนมัติในระบบ HIS

  • ระบบแนะนำรหัสโรค ICD‑10

  • โมเดลการวิเคราะห์แนวโน้มความเสี่ยงของโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน 

  • โมเดลจำแนกภาพ CT Scan ในการคัดกรองโรค


ประโยชน์ของ AI ทางการแพทย์มีอะไรบ้าง?

1. เพิ่มความแม่นยำในการวินิจฉัยโรค

AI ทางการแพทย์ช่วยประมวลผลข้อมูลทางการรักษาจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นภาพเอ็กซ์เรย์ ผลแล็บ หรือเวชระเบียนผู้ป่วย เพื่อนำเสนอทางเลือกในการรักษาที่ช่วยให้แพทย์วินิจฉัยได้แม่นยำมากขึ้น ลดข้อผิดพลาดจากความเหนื่อยล้าของมนุษย์ และเพิ่มความมั่นใจในการตัดสินใจทางการรักษา โดยเฉพาะในกรณีที่ซับซ้อนหรือมีข้อมูลหลายด้านต้องพิจารณา


2. เพิ่มประสิทธิภาพให้กับระบบ HIS

AI ช่วยยกระดับความสามารถของระบบสารสนเทศโรงพยาบาล (HIS) เช่น การถอดเสียงสนทนาแพทย์–ผู้ป่วยแบบเรียลไทม์ และสร้างเวชระเบียนอัตโนมัติ การแนะนำรหัสโรค ICD-10 จากข้อความทางการแพทย์ รวมถึงการเชื่อมโยงข้อมูลข้ามแผนกแบบเรียลไทม์ ส่งผลให้กระบวนการทำงานเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ลดความซ้ำซ้อน แม่นยำมากยิ่งขึ้น


3. ลดภาระงานของแพทย์และพยาบาล

AI ช่วยบันทึกข้อมูล ทำงานเอกสาร งานวิเคราะห์เบื้องต้น และงานประมวลผลข้อมูลที่ใช้เวลานาน เช่น การสรุปผลแล็บ การกรอกคำวินิจฉัย แนวทางการรักษา หรือการกรอกเวชระเบียน ทำให้บุคลากรทางการแพทย์มีสมาธิกับงานดูแลผู้ป่วยมากขึ้น รวมถึงบุคลากรที่จัดการงาน Back-Office จัดการทรัพยากรภายในสถานพยาบาลให้เหมาะสมกับการใช้งานจริงมากขึ้น


4. AI วิเคราะห์ข้อมูลคนไข้จากฐานข้อมูลกลาง

ด้วยการเข้าถึงและประมวลผลข้อมูลจากระบบเวชระเบียนกลาง เช่น National Health Data Platform หรือ Health Information Exchange (HIE) โดย AI จะช่วยวิเคราะห์ประวัติการรักษาของผู้ป่วยได้อย่างครบถ้วน ช่วยสนับสนุนการรักษาที่แม่นยำและสอดคล้องกับบริบทเฉพาะตัวของผู้ป่วยแต่ละราย


5. สนับสนุนระบบ Telemedicine และ Virtual Health

AI การแพทย์ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับบริการทางการแพทย์ระยะไกล (Telemedicine) แม้จะยังอยู่ในช่วงการทดลอง แต่ AI ก็จะช่วยเสริมประสิทธิภาพ ทั้งในด้านการสื่อสาร การคัดกรองอาการเบื้องต้น การให้คำแนะนำผ่านแชตบอท และการวิเคราะห์ข้อมูลจากอุปกรณ์สุขภาพแบบ Wearables ซึ่งช่วยให้ผู้ป่วยเข้าถึงการรักษาได้สะดวก รวดเร็ว และต่อเนื่อง โดยไม่ต้องเดินทางมายังสถานพยาบาล



คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ AI ทางการแพทย์

1. AI ทางการแพทย์คืออะไร และแตกต่างจากระบบทั่วไปอย่างไร?

AI ทางการแพทย์ คือ การนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ เข้ามาเป็นส่วนช่วยในการรักษาและการบริหารจัดการโรงพยาบาล คลินิก หรือสถานพยาบาลประเภทอื่น ๆ โดยทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยวิเคราะห์ข้อมูลทางการแพทย์ ประมวลผลข้อมูลผู้ป่วย และปรับปรุงการทำงาน Back-Office ให้เต็มประสิทธิภาพ

2. ตัวอย่างการใช้ AI ในวงการแพทย์มีอะไรบ้าง?

AI ทางการแพทย์ถูกนำมาใช้อย่างหลากหลายในโรงพยาบาล เช่น การวิเคราะห์ภาพถ่ายทางรังสีอย่างเอ็กซเรย์หรือซีทีสแกน การสร้างเวชระเบียนอัตโนมัติจากการถอดเสียงสนทนาแพทย์และผู้ป่วย การให้คำแนะนำการวินิจฉัยโรค ไปจนถึงการวางแผนทรัพยากรในโรงพยาบาล

3. AI ช่วยแพทย์วินิจฉัยโรคได้อย่างไร?

AI จะประมวลผลข้อมูลจำนวนมากจากหลายแหล่ง เช่น ผลแล็บ หรือภาพทางการแพทย์ แล้วนำเสนอแนวทางวินิจฉัย เพิ่มทางเลือกในการรักษาให้กับแพทย์ และช่วยให้ผู้ป่วยเข้าถึงการรักษาที่เหมาะสมได้เร็วขึ้นภายใต้เงื่อนไขที่เหมาะสม

4. AI ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับระบบ HIS ได้อย่างไร?

เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ ช่วยเสริมความสามารถของระบบสารสนเทศโรงพยาบาล (HIS) ในหลายด้าน เช่น การสร้างเวชระเบียนอัตโนมัติ การแนะนำรหัสโรค ICD-10 การแจ้งเตือนภาวะเสี่ยง หรือการเชื่อมโยงข้อมูลจากหลายแผนกเข้าสู่ศูนย์กลาง ทำให้กระบวนการทำงานรวดเร็ว แม่นยำ และลดภาระงานเอกสารของบุคลากรทางการแพทย์

5. โรงพยาบาลในไทยเริ่มใช้ AI ทางการแพทย์หรือยัง?

โรงพยาบาลหลายแห่งในประเทศไทยเริ่มมีการดำเนินโครงการนำร่องหรือวิจัยเพื่อประยุกต์ใช้ AI ทางการแพทย์ในบางแผนกหรือบางระบบ เช่น โรงพยาบาลศิริราชที่ใช้ AI วิเคราะห์ภาพเอกซเรย์เพื่อคัดกรองวัณโรค อย่างไรก็ตามการใช้งาน AI อย่างเต็มรูปแบบในโรงพยาบาล ยังอยู่ในขั้นพัฒนาและต้องการโครงสร้างพื้นฐานที่เหมาะสม


Backyard พร้อมให้บริการโซลูชันที่สนับสนุนการทำงานด้านเฮลท์แคร์


HealthBiz ERP ระบบ Enterprise Resource Planning สำหรับธุรกิจเฮลท์แคร์โดยเฉพาะ ช่วยจัดการงานหลังบ้าน (Back-Office) ไม่ว่าจะเป็นบัญชี การเงิน งานจัดซื้อ และงานเอกสารต่าง ๆ ของโรงพยาบาล คลินิก และสถานพยาบาลประเภทอื่น พร้อมรองรับการเชื่อมต่อกับระบบ MEDHIS เชื่อมโยงข้อมูลเข้าสู่ศูนย์กลาง ลดภาระเอกสาร เข้าถึงข้อมูลได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น


Backyard พร้อมให้บริการแบบครบวงจร ด้วยทีมงานที่มีประสบการณ์ เข้าใจการทำธุรกิจ ทำให้ได้ระบบที่ตอบโจทย์การใช้งานมากที่สุด สนใจระบบ HealthBiz ERP หรือระบบ ERP สำหรับธุรกิจอื่น ๆ ติดต่อเพิ่มเติมได้ที่



ติดตามข่าวสาร Backyard ได้ที่…

📍โทร. 02-853-9131 (ในเวลาทำการ 10.00-18.00 น. วันจันทร์-วันศุกร์)


3.jpg

พร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงองค์กรแล้วหรือยัง?

ติดต่อทีมงาน Backyard

ทีมงานผู้เชี่ยวชาญพร้อมติดต่อกลับ เพื่อมอบบริการที่ตรงกับความต้องการมากที่สุด

bottom of page